เชียงใหม่ชูมะแขว่นเชียงใหม่ขึ้นทะเบียนGI

วันที่ 19 เมษายน 2567 เวลา 09.00 น. นาย วีระพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการอำนวยการสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งงที่1/2567 โดยมี นายเจริญ พิมพ์ขาล เกษตรจังหวัดเชียงใหม่ นางนัยนภัส สังขนุกิจ พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ ฐานะเลขาคณะกรรมการ ณ ห้องประชุม1 ชั้น2 อาคารอำนวยการศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ดำเนินการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ประกาศรับขึ้นทะเบียนพืชGI ส้มสายน้ำผึ้ง และลิ้นจี่ จักรพรรดิฝางไปแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการประกาศในการใช้ตราสัญลักษณ์ ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นเวลา 90 วัน ปัจจุบันได้ดำเนินการขอขึ้นทะเบียนใน “มะแขว่น” โดยใช้ชื่อในการขอยื่นจดทะเบียนGI ชื่อ “มะแขว่นเชียงใหม่” มีพื้นที่ปลูกมากในจังหวัดน่าน และจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนจังหวัดเชียงใหม่นั้นเป็นพื้นที่มีความสูงที่เหมาะสมทำให้ได้มะแขว่นที่มีคุณภาพ ที่มีคุณภาพดีกลิ่นฉุน ไม่เหมือนพื้นที่อื่นมีพื้นที่ปลูกจำนวน 525 ไร่ ใน 7 อำเภอปลูกมากที่ ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง, ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม โดยมะแขว่นเป็นไม้ยืนต้น เมื่อแก่จะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีน้ำตาลและปริแตกเป็น 2 ซีก ขยายพันธุ์ โดยการเพาะเมล็ด ความสูงที่เหมาะสม 800-1,200 เมตร ใช้ระยะปลูกเช่นเดียวกับไม้ผล และเริ่มให้ผลผลิตในปีที่ 2 ช่วงเดือนตุลาคม-เดือนธันวาคม เป็นช่วงการเก็บเกี่ยวผลผลิตเก็บผลสดสีเขียว นำไปตาก อบ แห้ง โดยมะแขว่นดิบ 3 กิโลกรัม ให้ผลผลิตแห้ง 1 กิโลกรัม โดยมะแขว่นนิยมใช้เป็นเครื่องเทศ กลิ่นชุน รสเผ็ดร้อน ใช้เป็นสมุนไพร และสรรพคุณทางยา ใช้นวด คลายเมื่อยล้า แก้วิงเวียน ขับลมในลำไส้ เป็นต้น “มะแขว่นเชียงใหม่” มีลักษณะที่แตกต่างจากพื้นที่อื่น สูงจากระดับน้ำทะเล 800-1,200 เมตรทำให้มีภูมิอากาศที่เหมาะสม กลิ่นฉุน ขนาดผลเล็ก สารสกัดที่แตกต่างจากพื้นที่อื่นอีกทั้งมีรสชาติเผ็ดร้อนเด้าลิ้น อีกทั้งสรรพคุณทางยาอีกมากมายอีกด้วย