“กรมส่งเสริมการเกษตร รณรงค์เกษตรกรร่วมใจผลิตส้มปลอดภัย “Safe Use Safe Orange”

“กรมส่งเสริมการเกษตร รณรงค์เกษตรกรร่วมใจผลิตส้มปลอดภัย “Safe Use Safe Orange”

วันที่ 2 มีนาคม 2566 เวลา 09.30 น. นายประเสริฐ พรหมวรรณ เกษตรอำเภอฝาง ให้การต้อนรับ นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญ พิมพ์ขาล เกษตรจังหวัดเชียงใหม่ ว่าที่ร้อยตรี นพรัตน์ ศุภกิจโกศล นายอำเภอฝาง หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมฯ ระดับจังหวัดจังหวัด ท้องที่ท้องถิ่น และเกษตรกรผู้ปลูกส้ม ในการจัดงานรณรงค์เกษตรกรร่วมใจผลิตส้มปลอดภัย “Safe Use Safe Orange” ณ ที่ทำการสำนักงานกลุ่มเกษตรกรทำไร่โป่งน้ำร้อน ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่

นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร ได้ให้ความสำคัญกับการผลิตส้มปลอดภัย จึงได้ดำเนินโครงการรณรงค์เฝ้าระวังสารเคมีตกค้างในผลผลิตส้มขึ้น เพื่อส่งเสริมการผลิตและการจัดการสินค้าเกษตรด้วย BCG Model เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้เกษตรกรผลิตส้มปลอดภัย ส่งเสริม สนับสนุนให้เกษตรกรผู้ปลูกส้มดำเนินการจัดการศัตรูพืชด้วยวิธีผสมผสาน รวมถึงการใช้ชีวภัณฑ์และแมลงศัตรูธรรมชาติ ปฏิบัติตามหลักปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) นำเกษตรกรเข้าสู่การควบคุมคุณภาพการเพาะปลูก ส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพมาตรฐานความปลอดภัย โดยมีแนวทางการพัฒนาสนับสนุนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวคล้อม ลด ละ เลิกการใช้สารเคมีที่เป็นอันตราย เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวคล้อม ผลผลิตทางการเกษตรไม่มีการปนเปื้อนของสารเคมีทางการเกษตรที่เป็นอันตราย ล่าสุดกรมส่งเสริมการเกษตร จังหวัดเชียงใหม่ กรมวิชาการเกษตร สมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย (ไทท้า) และภาคเอกชน ร่วมจัดงานรณรงค์เกษตรกรร่วมใจผลิตส้มปลอดภัย “Safe Use Safe Orange” ขึ้น ณ ที่ทำการสำนักงานกลุ่มเกษตรกรทำไร่โปงน้ำร้อน ตำบลโป้งน้ำร้อน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่เพื่อประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ให้กับเจ้าหน้าที่และเกษตรกรในพื้นที่ปลูกส้มได้รับทราบวิธีการจัดการพื้นที่ปลูกอย่างปลอดภัย โดยมีการเสวนาพิเศษ “ชี้ช่องส่องตลาด…ส้มไทย จากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภค” โดย ตลาดไท บริษัท เดอะมอลล์กรุ๊ป จำกัด บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด และบริษัท สยามเม็คโคร จำกัด (มหาชน) ประธานกลุ่มแปลงใหญ่ส้มสายน้ำผึ้ง นอกจากนี้ยังจัดให้เกษตรกรผู้ข้าร่วมงานได้เรียนรู้และบริการ ได้แก่

1) การใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชอย่างถูกต้องและปลอดภัย

2) ชัวร์ก่อนใช้ เช็คก่อนทิ้ง

3) การป้องกันกำจัดศัตรูส้มโดยวิธีผสมผสาน

4) การจัดการดินและปุ้ยในสวนส้ม

5) ระบบตรวจรับรองแปลงมาตรฐาน GAP แบบดิจิทัล

6) การใช้โดรนทางการเกษตร อีกทั้งยังมีการให้บริการตรวจกัดกรองความเสี่ยงจากการสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืชละตรวจวิเคราะห์สารเคมีตกค้างในส้ม

รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวอีกว่า สัมเป็นผลไม้ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศและเป็นที่นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย หลากหลายสายพันธุ์ มีพื้นที่ปลูกทั้งหมด 128,046 ไร่ แหล่งเพาะปลูกที่สำคัญ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ สุโขทัย กำแพงเพชร แพร่ และจังหวัดเชียงราย มีผลผลิตออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ แต่เกษตรกรผู้ปลูกส้มต้องประสบกับปัญหาโรคและแมลงศัตรูส้มรบกวน ดังนั้น การปลูกและดูแลสวนส้ม เกษตรกรจึงต้องใส่ใจในทุกขั้นตอนและให้ความสำคัญกับปัจจัยที่มีผลต่อการปลูกส้ม คือ ดินต้องเป็นดินร่วน มีความซุยในดินดี น้ำต้องถึงไม่ขาด และการให้ธาตุอาหารที่สมบูรณ์เป็นเรื่องสำคัญ ปุ๋ยที่ให้กับสัมควรมีธาตุอาหารที่ตรงตามความ

ต้องการของส้ม รวมถึงการใช้สารเคมีในป้องกันกำจัดศัตรูพืชในส้ม หากเกษตรกรยังขาดความรู้ความเข้าใจในการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชอย่างถูกต้องและปลอดภัย ก็จะอาจก่อให้เกิดสารตกค้างในผลผลิตและเป็นอันตรายต่อตัวเกษตรกร ผู้บริ โภค สิ่งแวดล้อม กระทบกับการส่งออกได้

ด้าน นายเจริญ พิมพ์ขาล เกษตรจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สำหรับจังหวัดเชียงใหม่นับเป็นแหล่งปลูกส้มสายน้ำผึ้งที่มีปริมาณผลผลิตมากและมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศ ในปี 2565 ที่ผ่านมา มีพื้นที่ปลูกสัมจำนวน 38,029 ไร่ผลผลิตประมาณ 144,406 ตัน โดยให้ผลผลิตมากในช่วงเดือนพฤศจิกายน – เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ส้มมีรสชาติ อร่อยที่สุด และมีสีส้มสวยที่สุด ในส่วนสถานการณ์การผลิตส้มสายน้ำผึ้งของอำเภอฝาง ปี 2565/66 มีพื้นที่ปลูกส้มจำนวน 17,939 ไร่ เนื้อที่ให้ผลผลิต 16,969 ไร่ ในพื้นที่ 8: ตำบล ได้แก่ ตำบลเวียง ตำบลโป้งน้ำร้อน ตำบลสันทรายตำบลแม่สูน ตำบลแม่คะ ตำบลแม่งอน ตำบลแม่ข่า และตำบลม่อนปิ่น ซึ่งทั้ง 8 ตำบล ให้ผลผลิตส้มมากกว่า 76,360 ตันผลผลิตเฉลี่ย 4,500 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งลักษณะของผลส้มสายน้ำผึ้งอำเภอฝางจะมีมีผิวสีเหลืองทองอร่ามสวยเมื่อสุกได้ที่เนื้อแน่นน้ำเยอะ มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ คือ รสจัดจ้าน กลมกล่อม หวานนำอมเปรี้ยวเล็กน้อย ไม่หวานจืด ชานนิ่ม ดินในเขตพื้นที่อำเภอฝาง ค่อนข้างจะมีแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์ เป็นดินแดนสายน้ำแร่ ธรรมชาติ แหล่งน้ำมาจากแหล่งน้ำแม่ใจและเป็นดินที่มีแร่ธาตุจากภูเขาไฟ มีน้ำแร่ผสมอยู่ เนื่องจากเป็นเขตภูเขาไฟเดิม อากาศร้อนสลับหนาวในช่วงปลายปีซึ่งเป็นอากาศที่ส้มค่อนข้างชอบ พื้นที่เป็นภูเขาสูง เป็นหุบเขา มีอากาศไหลผ่านหมุนเวียน และมีความชื้นจึงเป็นพื้นที่ที่เหมาะแก่การปลูกส้มสายน้ำผึ้งมากที่สุด ซึ่งขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่ได้เตรียมเสนอสัมสายน้ำผึ้งโปงน้ำร้อนฝาง เป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์(GI ) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน กระตุ้นเสรษฐกิจ สร้างรายได้เพิ่มให้ผู้ประกอบการ

ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรแนะนำเกษตรกรให้สำรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ หากพบการเข้าทำลายของศัตรูพืชให้จัดการโดยวิธีผสมผสาน (IPM) ได้แก่

1) วิธีเขตกรรม : การปรับสภาพดิน การตัดแต่งทรงพุ่มให้โปร่ง

2) วิธีกล : การตัดกิ่งหรือผลที่พบการเข้าทำลายของโรคและแมลงนำไปเผาทำลาย การใช้กับดักกาวเหนียว

3) วิธีฟิสิกส์ : การใช้กับดับแสงไฟล่อตัวเต็มวัยไปทำลาย

4) ชีววิธี : การใช้ศัตรูธรรมชาติ ตัวน้ำ ตัวเบียน จุลินทรีย์ รวมถึงการอนุรักษ์ศัตรูธรรมชาติในบริเวณสวนส้ม

5) สารสกัดธรรมชาติ : การใช้สารสะเดา หางไหล สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช : กรณีพบการระบาดของศัตรูพืชก่อนข้างรุนแรงในบริเวณกว้าง โดยใช้สารเคมีตามหลัก 3 ถูก คือ ถูกชนิด ถูกเวลา และถูกวิธี เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ส่วนการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช ควรใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่เหมาะสมหรือเฉพาะเจาะจงกับชนิดของศัตรูพืช และสอดคล้องกับแต่ละระยะของส้ม ตามชนิดและอัตราที่แนะนำ เพื่อลดปริมาณศัตรูพืชในพื้นที่นั้น ลดความเสี่ยงต่อกน และรบกวนระบบนิเวศเกษตรและสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด มีการสลับกลุ่มสารเคมี ไม่ใช้สารเคมีชนิดใดชนิดหนึ่งเปีนระยะเวลายาวนาน เพราะส่งผลให้แมลงเกิดการดื้อยา (Insect Pesticide Resistance) ต้องใช้ตามหลักวิชาการที่เจ้าหน้าที่แนะนำ หรือตามฉลากเมีภัณฑ์ที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ห้ามใช้สารเคมี ที่เป็นวัตถุอันตรายที่ประกาศห้ามใช้ทางการเกษตร ไดยเด็ดขาด สำหรับวิธีการปฏิบัติก่อนการเก็บเกี่ยว

1) การเข้าทำลายของแมลงจะลดลงในระยะส้มผลแก่ จึงควรงดใช้สารเคมี

2) เก็บเกี่ยวผลผลิตในระยะที่ปลอดภัย หรือ เว้นระยะเวลาก่อน

การเก็บเกี่ยว ภายหลังการใช้สารเคมี (PHI) ตามคำแนะนำ หรือตามที่ระบุในถลาก เพื่อลดปัญหาสารเคมีตกค้างในผลผลิต

3) สุ่มเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจหาสารเมีตกค้างด้วยชุดทดสอบแบบง่ยโดยเจ้าหน้าที่ หรือเกษตรกรสามารถตรวจเองได้

 171 total views,  1 views today

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น